รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า สุขภาพไม่แข็งแรงทำไงดี ?
รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า สุขภาพไม่แข็งแรงทำไงดี อาการอ่อนเพลียเป็นการแจ้งเตือนว่าคุณกำลังขาดพลังงาน หมดเรี่ยวแรง เหนื่อยล้า และอาจมาจากโรคประจำตัวที่มีความรุ่นแรงน้อยไปถึงรุนแรงมาก
หรือมีผลจากการใช้ชีวิตประจำวันเช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ให้ประโยชน์หรือให้สารอาหารไม่เพียงต่อความต้องการของร่างกาย การขาดการออกกำลังกายเป็นต้นค่ะ
เรื่องราวแนะนำ : รีวิว Collagen ที่ดีที่สุด
3 สาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า
1. สาเหตุที่เกิดจากการดำเนินชีวิต
- การออกกำลังกายมากเกินไปหรือขาดการออกกำลังกาย
- ทำงานหนักหักโหมขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ
- ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีคาเฟอีน มากเกินไปหรือมีการใช้ยาเสพติด
- อยู่ในช่วงเวลาที่กำลังโศกเศร้า เบื่อหน่าย มีภาวะเครียด
- ชอบรับประทานอาหารที่ไม่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย โรคอ้วน มีน้ำหนักตัวเยอะ
- รับประทานยารักษาโรคบางชนิด
2. สาเหตุจากภาวะสุขภาพ
- โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพอง โรคเมลเจีย พาเรสเธทิคา
- ภาวะโลหิตจาง ตับวายเฉียบพลัน ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ขาดไทรอยด์ฮอร์โมน หยุดหายใจขณะหลับ
- การติดเชื้อหรือการอักเสบเรื้อรัง การตั้งครรภ์ มีอาการเจ็บปวดนานต่อเนื่องการใช้เคมีบำบัด ฉายรังสี ยาแก้ปวด ยาโรคหัวใจ และยารักษาอาการซึมเศร้า
3. สาเหตุจากปัญหาสุขภาพจิต
- โรควิตกกังวล
- โรคเครียด
- โรคซึมเศร้า
- โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล
อาหารช่วยลดอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้าคืนความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
1. อาหารประเภทเนื้อสัตว์ จัดเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อไม่ติดมัน เนื้อปลาและตับ นอกจากนี้เนื้อสัตว์ยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยในการแก้อาการอ่อนเพลียบำรุงโลหิต อีกทั้งธาตุเหล็กยังมีความสามารถในการช่วยให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างได้ดีขึ้นส่งผลให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
2. อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตหรือแป้ง โดยการทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่าง ข้าวกล้อง ข้าวไลบรารี่ แป้งและขนมปังที่ไม่ขัดสี ถือได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานที่คุ้มค่าชั้นดีเพราะร่างกายจะนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด หากทานด้วยความพอดีจะเป็นการช่วยให้ร่างกายกำจัดความอ่อนเพลียได้ค่ะ
3. ไข่ ซึ่งนอกจากจากโปรตีนแล้วไข่ยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อการสร้างเสริมระบบการทำงานของกล้ามเนื้อ การย่อยอาหาร การเจริญเติบโต และ การแข็งตัวของเลือด อีกทั้งยังช่วยให้การทำงานของประสาทและสมองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ
4. ผลไม้ที่ให้ปริมาณวิตามินซีสูง โดยวิตามินซีจะช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากอาการอ่อนเพลีย ป้องกันการเกิดอาการซึมเศร้า อีกทั้งช่วยในการควบคุมการนอนและอาการเจ็บปวดได้อีกด้วยค่ะ
5. ผักสด ใครจะไปรู้ค่ะว่าผักสดธรรมดาๆจะมีสารอาหารและวิตามิน ที่จำเป็นต่อระบบต่างๆภายในร่างกาย ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากอาการอ่อนเพลียได้ดี ผักเหล่านั้นได้แก่ ดอกกระหล่ำ ฟักทอง พริกหยวก มันเทศ ถั่วแดง ถั่วดำ บรอคโคลี่และข้าวโพด เป็นต้นค่ะ
เราสามารถป้องกันอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ได้ด้วยวิธีง่ายๆดังนี้ค่ะ
ลดอาหารรสชาติหวาน ความหวานของอาหารส่วนใหญ่นั้นจะมีน้ำตาลแฝงอยู่เสมอ แต่รู้ไหมค่ะว่าน้ำตาลเป็นตัวเร่งให้เกิดฮอร์โมนความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุของอาการอ่อนเพลียเรื้อรังได้ค่ะ หากเพื่อนๆหลีกเลี่ยงน้ำตาลหรือของหวานไม่ได้จริงๆลองเปลี่ยนมาเป็นน้ำผลไม้ น้ำผึ้งหรือน้ำตาลจากธรรมชาติแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าค่ะ
ลดการกินคาเฟอีน กาแฟและน้ำชาถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้คาเฟอีนในปริมาณสูง หากเพื่อนๆคนไหนที่รู้สึกว่าร่างกายกำลังมีอาการอ่อนเพลียมากๆ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มจำพวกนี้เลยนะคะ เพราะคาเฟอีนจะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายมีการตื่นตัวนอนไม่หลับ ซึ่งการนอนไม่หลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียค่ะ
หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนก่อนนอน โดยการเล่นโทรศัพท์มือถือ แทปเล็ต หรือ คอมพิวเตอร์ จะทำให้คุณเพลิดเพลินจนลืมเวลาพักผ่อนและหากมีการเล่นในเวลากลางคืนในที่ที่มีแสงน้อยยังทำให้สายตาพร่ามัวหรือเกิดอาการสายตาสั้นได้ง่ายอีกด้วย ดังนั้นควรหยุดเล่นโทรศัพท์มือถือ แทปเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ แล้วหันไปปิดสวิตช์ไฟนอนพักผ่อนกันเถอะค่ะเพื่อสุขภาพที่ดี
ฝึกสมาธิ การฝึกสมาธิเป็นการทำจิตใจให้นิ่งสงบไม่ฟุ้งซ่านต่อสิ่งต่างๆ นอกจากนี้ยังทำให้เราเข้าสู่สภาวะหลับลึกได้ดีขึ้นส่งผลให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที ซึ่งสามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียแบบเรื้อรังได้เป็นอย่างดีค่ะ
เลือกทานอาหารเพิ่มวิตามินสูงเสริม หากเพื่อนๆรู้สึกอ่อนเพลียไม่สบายตัว อาจเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายด้วยการทานวิตามินซี เสริมก็ได้นะคะ เพราะวิตามินซีนั้นมีความสามารถในการป้องกันไข้หวัดและลดระยะเวลาการป่วยจากไข้หวัดได้ดี อีกทั้งเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดชื่นแจ่มใสสุขภาพดีขึ้นอีกด้วยค่ะ